เมนู

3. ตุณฑิลชาดก


ว่าด้วยธรรมเหมือนน้ำ บาปธรรมเหมือนเหงื่อไคล


[917] บัดนี้ วันนี้ แม่เราให้อาหารสำหรับขุน
ใหม่ รางอาหารนี้เต็ม นายแม่ยืนใกล้ราง
อาหาร คนหลายคนมีมือถือบ่วง อาหารนั้น
ไม่แจ่มชัดสำหรับฉัน เพื่อจะกินอาหาร.
[918] เจ้าสะดุ้ง เจ้าหัวหมุนไปไย ? เจ้า
ประสงค์จะหลีกหนีไป เจ้าไม่มีผู้ต้านทาน จัก
ไปไหน ? น้องตุณฑิละเอ๋ย เจ้าจงเป็นผู้ขวน-
ขวายแต่น้อย กินไปเถิด พวกเราถูกขุนเพื่อ
ต้องการเนื้อ.
[919] เจ้าจงลงสู่ห้วงน้ำ ที่ไม่มีโคลนตม ชำระ.
ล้างเหงื่อไคลทั้งหมด แล้วถือเอาเครื่องลูบไล้
ใหม่ ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา มีกลิ่นหอมไม่ขาด
สาย.
[920] ห้วงน้ำอะไรหนอที่ไม่มีโคลนตม ? อะไร
หนอเรียกว่าเหงื่อไคล ? อะไรเรียกว่าเครื่อง

ลูบไล้ใหม่ ? กลิ่นอะไรไม่ขาดหาย มาแต่ไหน
แต่ไร ?
[921] ห้วงน้ำคือพระธรรม ไม่มีโคลนตม. บาป
เรียกว่าเหงื่อไคล และศีลเรียกว่าเครื่องลูบไล้
ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมา กลิ่นของศีลนั้นไม่เคย
ขาดหายไป.
[922] เหล่าชน ผู้ไม่รู้ ผู้ฆ่าสัตว์กิน เป็นปกติ
จะเพลิดเพลินใจ ส่วนผู้รักษาชีวิตสัตว์ ไม่
ฆ่าสัตว์ เป็นปกติ จะไม่เพลิดเพลินใจ เมื่อ
วันเดือนเพ็ญมีพระจันทร์เต็มดวงแล้ว เหล่า
ชนผู้รื่นเริงใจอยู่เท่านั้น จึงจะสละชีพได้.

จบ ตุณฑิลชาดกที่ 3

อรรถกถาตุณฑิลชาดกที่ 3



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กลัวตายรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า นวจฺฉทฺทเก ดังนี้.
ได้ยินว่า กุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีนั้น บวชในพระศาสนาแต่ได้
เป็นผู้กลัวตาย. เธอได้ยินเสียงกิ่งไม้สั่นไหว. ท่อนไม้ตก. เสียงนก